วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

<<<<<<<< history of vampire >>>>>>>




แวมไพร์ (Vampire) ผีชนิดหนึ่งตามความเชื่อของชาวยุโรป ในยุคกลาง
เชื่อว่าเป็นผีดิบ ที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนมนุษย์ทั่วไป
แต่มีฟันแหลมคม ดื่มเลือดของมนุษย์ด้วยกันเป็นอาหารเพื่อหล่อเลี้ยง
โดยที่แวมไพร์จะมีชีวิตเป็นอมตะ ไม่มีวันตาย
จะปรากฏตัวได้แต่เฉพาะเวลากลางคืน เพราะกลางวันแพ้แสงแดด
แวมไพร์จะหลบซ่อนอยู่ในโลงของตนหรือในหลุมในเวลากลางวัน
 สามารถแปลงร่างได้หลายแบบ เช่น ค้างคาว, นกฮูก, หมาป่า, กบ, คางคก, แมลงเม่า, งูพิษ เป็นต้น สามารถกำบังกายหายตัวได้ ไม่มีเงาเมื่อกระทบกับแสงหรือสะท้อนในกระจก
มีแรงมากเหมือนผู้ชาย 20 คน
สิ่งที่จะกำราบแวมไพร์ได้คือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนา
เช่น ไม้กางเขน , น้ำมนตร์ หรือแม้กระทั่งสมุนไพรกลิ่นแรงบางชนิด เช่น กระเทียม
วิธีฆ่าแวมไพร์มีมากมาย เช่น ตอกลิ่มให้ทะลุหัวใจ เผา หรือ ตัดหัวด้วยจอบของสัปเหร่อ
 บุคคลที่ตกเป็นเหยื่อของมัน จะกลายเป็นแวมไพร์ไปด้วย
และกลายเป็นสาวกของแวมไพร์ตนที่ดูดเลือดตัวเอง




ชาวยุโรปในยุคกลางนั้น หวาดกลัวแวมไพร์มาก
 ผู้ที่สงสัยว่าเป็นแวมไพร์ จะตกอยู่ในสถานะเดียวกับแม่มด หรือ มนุษย์หมาป่า
คือ ถูกตัดสินลงโทษด้วยการเอาถึงชีวิต
มีวิธีการป้องกันการรุกรานของแวมไพร์หลายวิธี
เช่น บางหมู่บ้านจะโปรยเมล็ดข้าวไว้บนหลังคาบ้าน
เพราะเชื่อว่าแวมไพร์จะง่วนกับการนับเมล็ดข้าวเป็นการถ่วงเวลาจนรุ่งเช้า
 หรือ โรยเศษขนมปังไว้ตั้งแต่สุสานให้แวมไพร์เดินเก็บเศษขนมนั้นวนเวียนไปมา
หรือแม้แต่การวางไม้กางเขนหรือดอกกุหลาบที่มีหนามแหลมเพื่อเป็นการพันธนาการไว้ในโลง
เรื่องราวของผีแวมไพร์ มีมากมาย ที่เป็นนิทานพื้นบ้านและวรรณกรรม
โดยวรรณกรรมที่ว่าถึงแวมไพร์ที่เก่าแก่ที่สุด มีมาตั้งแต่สมัยโรมัน
วรรณกรรมที่มีชื่อเสียงที่สุดของแวมไพร์คือ
เรื่องแดรกคูล่า (Dracula) ของ บราม สโตกเกอร์
ที่โด่งดังจนมีการนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ ละคร ละครเวที
หรือแม้แต่กระทั่งภาพยนตร์การ์ตูนมากมายตราบจนปัจจุบัน
เช่น ภาพยนตร์เรื่อง Nosferatu : A Symphony of Horror ในปี ค.ศ. 1922 เป็นต้น
เป็นไปได้ว่าความเชื่อเรื่องของแวมไพร์ที่สามารถแปลงร่างเป็นค้างคาวได้
 อาจมีที่มาจากที่ภูมิภาคอเมริกากลางและทวีปอเมริกาใต้
 มีค้างคาวขนาดเล็กจำพวกหนึ่ง ในวงศ์ Desmodontinae
มีพฤติกรรมดูดเลือดสัตว์ที่ใหญ่กว่าเป็นอาหารในเวลากลางคืน
ซึ่งค้าวคาวในวงศ์นี้ก็ได้มีการเรียกชื่อสามัญว่า แวมไพร์ เช่นกัน




ความเชื่อเกี่ยวกับลัทธิแวมไพร์มีมานานกว่าพันปี
ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมอย่าง เมโสโปเตเมีย, ฮิบรู, กรีกโบราณ และโรมัน
มีเรื่องเล่าของปีศาจและวิญญาณที่ตีความว่าเป็นที่มาของแวมไพร์สมัยใหม่
อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ดูเหมือนสิ่งมีชีวิตคล้ายแวมไพร์ ในสมัยโบราณ
ความเชื่อในรูปธรรมที่เรารู้ในปัจจุบันของต้นกำเนิดแวมไพร์
มักมาจากต้นศตวรรษที่ 18 ทางแถบตะวันออกเฉียงใต้ของยุโรป
เมื่อประเพณีการเล่าขานของคนหลายเผ่าพันธุ์ต่างบันทึกและตีพิมพ์
ในกรณีส่วนมาก แวมไพร์คือผีในรูปแบบปีศาจ, เหยื่อฆ่าตัวตาย
หรือผู้ใช้เวทมนตร์คาถา หรือถูกสร้างมาด้วยอำนาจวิญญาณความชั่วร้ายที่ครอบงำศพ
หรือถูกกัดโดยแวมไพร์ ความเชื่อต่าง ๆ ในตำนานกระจายไปทั่วท้องที่ที่ก่อให้เกิดความผวาหวาดกลัวและมีการบังคับตามกฎหมายของคนที่เชื่อว่าเป็นแวมไพร์


สาเหตุของการสืบสายพันธุ์แวมไพร์
มีหลากหลายรูปแบบตามความเชื่อท้องถิ่น
ในสลาวิกและความเชื่อจีน หากศพที่มีสัตว์กระโดดข้ามโดยเฉพาะหมาหรือแมว
จะเกรงว่า จะทำให้ศพไม่ตาย
ร่างที่มีบาดแผลที่ไม่ได้รับการรักษาโดยน้ำเดือดก็เสี่ยง
ในความเชื่อของรัสเซีย แวมไพร์มักถูกเคยเชื่อว่าเป็นแม่มดพ่อมด
หรือคนที่ขบถต่อโบสถ์ในขณะที่เขามีชีวิตอยู่




การปฏิบัติทางสักคม
 มักเกิดขึ้นจากความพยายามป้องกันการกลับมาของคนตาย
การฝังศพคว่ำลงก็แพร่ขยายไปทั่ว
และฝังไปกับสิ่งของของมนุษย์
เช่น เคียวด้ามยาว หรือเคียวเกี่ยวข้าว ไว้ใกล้หลุมศพ
เพื่อเอาใจเหล่าปีศาจที่จะเข้ามาในร่าง
หรือเพื่อระงับความตายที่จะไม่ทำให้พวกเขาลุกขึ้นจากหลุมศพ
วิธีนี้ดูคล้ายกับวิธีปฏิบัติของชาวกรีกโบราณ
ที่จะใส่โอโอลอส (เหรียญเงินเล็ก ๆ) ในปากศพ
เป็นค่าธรรมเนียมในการข้ามแม่น้ำสติกซ์ในโลกหน้า
แต่ก็ยังเป็นข้อถกเถียง เหรียญจะช่วยขจัดวิญญาณร้านเข้าสู่ร่างกาย
และนี่อาจเป็นอิทธิพลให้กับความเชื่อพื้นบ้านเกี่ยวกับแวมไพร
ธรรมเนียมนี้ยังคงมีอยู่ในประเพณีของกรีกสมัยใหม่เกี่ยวกับ
vrykolakas ที่จะมีกางเขนทำจากขี้ผึ้งและชิ้นส่วนเครื่องปั้นดินเผาจารึกไว้ว่า
"Jesus Christ conquers" วางบนศพเพื่อป้องกันการกลายเป็นแวมไพร์


วิธีปฏิบัติอื่นในยุโรป เช่นการแยกเส้นเอ็นที่หัวเข่า
หรือการวางเมล็ดต้นป็อปปี้, ข้าวฟ่าง หรือทราย
บนพื้นดินของหลุมศพที่เชื่อว่าเป็น แวมไพร์
เพื่อเป็นการป้องกันแวมไพร์ในช่วงกลางคืน
โดยการนับเมล็ดข้าวที่ร่วงโรย
คล้ายกับเรื่องเล่าของชาวจีนที่ว่า
ถ้าแวมไพร์ของจีนกระโดดข้ามกระสอบข้าว
จะต้องนับข้าวทุกเม็ด
เช่นเรื่องราวในนิทานของอินเดียและอเมริกาใต้
ที่เป็นเรื่องเล่าของแม่มดพ่อมดและปีศาจหรือวิญญาณชั่วร้าย


แหล่งข้อมูล
 http://my.dek-d.com/yukiko1122/blog/?blog_id=10069441
ข้อมูลรูปภาพ
http://vampireonline.tripod.com/
http://www.numtan.com/story_2/view.php?id=93
http://sns52240203.blogspot.com/